หากจะกล่าวถึงการทำ SEO เราคงหนีคำถามเกี่ยวกับประเภทของการทำ SEO ไม่ได้อย่างแน่นอน ในปัจจุบันการทำ SEO สายเทา และสายดำนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย หลายคนอาจเคยเห็นโฆษณาบน Facebook และ Google เกี่ยวกับบริการรับทำ SEO และในแพ็กเกจมีให้เลือกระหว่าง สายขาว สายเทา และสายดำ ซึ่งการทำ SEO 3 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะมาเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆกันในบทความนี้ครับ
1. SEO สายขาว (White Hat SEO)
คือการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์แบบปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการลงบทความ การขายสินค้า การสร้าง backlink ตามธรรมชาติ และอื่นๆ ซึ่งวิธีการทำทั้งหมดจะอยู่ภายใต้กฎและระเบียบของ Google ทุกอย่าง ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงนั่นเอง
2.SEO สายเทา (Grey Hat SEO)
คือการทำเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงที่จะโดนแบนจาก Google เนื่องจากสินค้าหรือบริการบางประเภทอาจผิดกฎหมาย และส่งผลให้ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นนักทำ SEO ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้เทคนิคการหลบเลี่ยงกฎระเบียบเพื่อให้เว็บไซต์สามารถเผยแพร่และเข้าถึงผู้ใช้งานได้ไวกว่านั่นเอง
3.SEO สายดำ (Black Hat SEO)
คือการทำเว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคการแหกกฎและระเบียบไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าการทำสายดำนั้นสามารถคาดหวังผลได้ในระยะสั้นๆตั้งแต่ 3-6 เดือนเลยก็ว่าได้ แต่การทำสายดำนั้น เว็บไซต์จะอยู่ได้เพียงระยะสั้นและโดนแบนในที่สุด
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน การทำ SEO สายเทานั้นได้รับความนิยมในหมู่นักทำ SEO เป็นอย่างมาก เนื่องจากเห็นผลเร็วกว่าการทำ SEO สายขาวปกติ มิหนำซ้ำอัลกอริธึ่มของ Google เองก็ยังไม่ได้พัฒนามากจนสามารถตรวจจับการทุจริตในการทำ SEO ได้ละเอียดอย่างในปัจจุบัน Google พยายามที่จะพัฒนาอัลกอริธึ่มเพื่อประมวลผลการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า search engine ของตัวเอง ให้ตอบโจทย์การค้นหาของผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด ดังนั้นปัจจุบันนักทำ SEO ทั้งหลายจะรู้ดีเสมอว่า Google จะก้าวนำหน้าพวกเขาอยู่อย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ
การหลบเลี่ยงอัลกอริธึ่มของ Google ในการทำ SEO สายเทานั้น ในช่วงแรกอาจจะใช้ได้ผล ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้เร็วกว่าการทำ SEO สายขาวทั่วไป แต่ในระยะยาวเว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคสายเทาก็ต้องโดนตรวจจับจาก Google และอาจจะมีสิทธิ์โดนแบนในที่สุดอีกด้วย
ตัวอย่างการทำ SEO สายเทา
1. การทำ Cloaking เว็บไซต์ที่ทำ Cloaking จะมีจุดประสงค์เพื่อตั้งใจหลบ Google Bot กล่าวคือการทำให้หน้าเว็บไซต์ที่แสดงกับผู้ใช้งานจริงเป็นสินค้าหนึ่ง แต่หน้าเว็บไซต์ที่แสดงให้ Google Bot เก็บข้อมูลแตกต่างออกไปนั่นเอง ซึ่งการเทคนิคการทำในลักษณะนี้ ถือว่าผิดกฎของ Google อย่างชัดเจน อาจจะถูกหักคะแนนหรือร้ายแรงถึงโดนแบนเลยก็ได้ครับ
2. การทำ Keyword Stuffing คือการแปะคีย์เวิร์ดที่ต้องการดันให้ติดหน้า Google โดยไม่ได้สร้างสรรค์คอนเทนต์หรือเนื้อหาแต่อย่างใด ตัวอย่าง เสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายแขนสั้น, เสื้อฮาวายเด็ก, ขายเสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายสีสวย, ซื้อเสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายผู้ชาย, เสื้อฮาวายผู้หญิง, ของฝากเสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายสีแดง, ร้านขายเสื้อฮาวาย เป็นต้น ซึ่งการทำลักษณะนี้สุดท้ายก็จะถูจับได้และถูกแบนในที่สุด
3. การปั่นคอนเทนต์เพื่อ Spam Link นักทำ SEO หลายๆคนเลือกที่จะใช้วิธีการปั่นคอนเทนต์หรือ spin text เพื่อที่จะให้ได้คอนเทนต์จำนวนมากขึ้น เช่นหากเราเขียนบทความหนึ่งแล้วนำไป spin อาจจะได้บทความใหม่ออกมามากถึง 20บทความเลยก็ได้ แล้วนักทำ SEO ก็จะเอาบทความเหล่านั้นไปลงตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อแปะลิ้งค์กลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของตัวเอง
ตัวอย่างการ spin textประโยคดั้งเดิม เมื่อวานฉันพาแม่ขับรถไปตลาดซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวประโยคสปิน เมื่อวานที่แล้วดิฉันพาคุณแม่ขับรถไปที่ตลาดเพื่อซื้อของมาทำอาหาร
ซึ่งแน่นอนว่า 2ประโยคนี้ Bot ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่นอน แต่ถ้าหากมีมากกว่า 2บทความก็ไม่แน่ครับ และยิ่งบทความสปินเยอะเท่าไหร่โอกาสที่ bot จะตรวจเจอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวอีกด้วย
2. การทำ Keyword Stuffing คือการแปะคีย์เวิร์ดที่ต้องการดันให้ติดหน้า Google โดยไม่ได้สร้างสรรค์คอนเทนต์หรือเนื้อหาแต่อย่างใด ตัวอย่าง เสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายแขนสั้น, เสื้อฮาวายเด็ก, ขายเสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายสีสวย, ซื้อเสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายผู้ชาย, เสื้อฮาวายผู้หญิง, ของฝากเสื้อฮาวาย, เสื้อฮาวายสีแดง, ร้านขายเสื้อฮาวาย เป็นต้น ซึ่งการทำลักษณะนี้สุดท้ายก็จะถูจับได้และถูกแบนในที่สุด
Off-page SEO คืออะไร
Off page SEO คือ การทำ SEO “ภายนอกเว็บไซต์” เป็นการทำให้อันดับเว็บไซต์อยู่ในลำดับที่ดีขึ้น ด้วยการทำผ่านปัจจัยภายนอกต่างๆ นั้นคือ การทำ Backlinks ให้ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา, ผ่านการอ้างอิง การอาสาเขียนโพสต์ให้ การฝากลิงก์ การแชร์ลิงก์บนโซเชียลมีเดีย ฯลฯ เพื่อดันอันดับของเว็บไซต์ในหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google ให้สูงขึ้น
การทำ Off-Page SEO เป็นกลยุทธ์การทำ SEO อย่างนึง ที่ช่วยทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือและความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยนึงที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์
ยิ่งเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่ Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ของเราในหน้าผลการค้นหาในลำดับที่ดียิ่งขึ้น
รวม 5 เทคนิคทำ Off Page SEO ทำตามได้ง่าย เห็นผลลัพธ์ได้ทันที
ต่อไปนี้คือ วิธีการทำ Off Page SEO ซึ่งเราขอบอกว่าไม่ยาก และมือใหม่เรื่อง SEO ก็สามารถทำได้
1. ทำ Backlink จากเว็บอื่น
Backlink คือ ลิงก์จากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย ที่ลิงก์กลับไปยังเว็บของเรา โดยการมี Backlink จำนวนมาก จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ในเว็บมีความน่าเชื่อถือ และจะช่วยดันอันดับในหน้าแสดงผลการค้นหาให้สูงขึ้น
สำหรับการทำ Backlink นั้นทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
- การฝากลิงก์ตามส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย อย่างช่องโพสต์ ช่องคอมเมนต์ ส่วนอ้างอิง หรือกระทู้ถาม-ตอบ
- การจ้างหรือขอให้เจ้าของเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย แทรกลิงก์ของคุณในเว็บหรือโซเชียลมีเดียของพวกเขา
- การทำเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ให้น่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้อ่านอยากดึงข้อมูลในเว็บไซต์คุณไปดัดแปลงและให้เครดิต
ถ้าสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถาม https://lin.ee/2wBKtJn